
"เถาวัลย์เปรียง" ปลอดภัยแน่..แก้ปวดเมื่อย
ชื่อวิทยาศาสตร์ Derris scandens (Roxb.) Benth.
ชื่อวงศ์ FABACEAE (LEGUMINOSAE–PAPILIONOIDEAE)
...เถาวัลย์เปรียง เป็นสมุนไพรที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากในอดีต
ชอบขึ้นตามจอมปลวกหัวไร่ปลายนา ชอบอยู่ตามป่าดิบแล้ง พันเลื้อยไปบนต้นไม้อื่น หน้าฝนดอกสีขาวเป็นช่อจะออกบานสะพรั่งสวยงาม ยอดอ่อน ยังกินเป็นผักได้ ชาวบ้านสมัยก่อนหลังกลับจากทำไร่ไถนาก็จะมาต้มเถาวัลย์เปรียง(หรือเครือตาปลา)กิน โดยจะตัดเถาเอามาฟันเป็นชิ้นๆ จากนั้นนำมาตากแห้งไว้ แล้วคั่วไฟให้หอมหรือจะไม่คั่วก็ได้ ต้มกินกันได้ทุกวัน แก้ปวดเมื่อย ปวดหลัวปวดเอว เส้นเอ็นตึง แก้กษัยไตพิการ หลังจากทำงานทำการมาสบายตัวดีแท้
...นอกจากนี้บรรดาแม่ๆ ทั้งหลายเมื่อมีอายุมากขึ้นมักมีอาการปัสสาวะกะปริบกะปรอย หรือเมื่อมีตกขาวก็จะต้มกินช่วยให้ปัสสาวะใสและคล่องขึ้นแถมสิวฝ้าหน้าตกกระก็พลอยหายไปด้วย
...เถาวัลย์เปรียง ปรากฏอยู่ในตำรายาแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในหลายคัมภีร์ โดยใช้เถาเป็นส่วนประกอบในตำรับยา แก้กษัยแก้เหน็บชา ถ่ายเส้นเอ็น ถ่ายกษัย แก้เส้นเอ็นขอด แก้เมื่อยขบ ทำให้เส้นหย่อน แก้ปวด แก้ไข้ ขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะพิการ แก้โรคบิด แก้โรคหวัด แก้ไอ ขับเสมหะ ถ่ายเสมหะลงสู่คูดทวาร ถ่ายอุจาระ บีบมดลูก สรรพคุณเหล่านี้ก็คล้ายคลึงกับการใช้ของหมอยาพื้นบ้านทั่วไป
...เมื่อตรวจสอบข้อมูลการศึกษาวิจัยก็พบว่า เถาวัลย์เปรียงมีฤทธิ์ลดการอักเสบ ซึ่งน่าจะเป็นทางเลือกในการใช้เป็นยาแก้ปวดเมื่อย แต่เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัย จึงได้ส่งเถาวัลย์เปรียงให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจวิเคราะห์ เมื่อพบว่าไม่มีพิษเฉียบพลันและพิษเรื้อรัง จึงพัฒนาเถาวัลย์เปรียงในรูปแบบแคปซูลแก้ปวดเมื่อยเพื่อใช้ในโรงพยาบาล
...ต่อมามีงานวิชาการพบว่า เถาวัลย์เปรียงมีฤทธิ์เพิ่มภูมิคุ้มกันซึ่งอาจมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยเอดส์ ผู้ป่วยมะเร็ง หวัด ภูมิแพ้ และยังผ่านการทดลองทางคลินิกในการแก้ปวดจากเข่าเสื่อมเปรียบกับนาโปรเซน(ยาต้านการอักเสบแผนปัจจุบัน) แล้วพบว่าได้ผลไม่ต่างกัน และในการแก้ปวดหลังระดับเอว (low back pain)เปรียบเทียบกับยาแผนปัจจุบัน คือ ยาไดโคลฟีแนค ก็พบว่าได้ผลไม่ต่างกันอีกเช่นกัน มิหนำซ้ำ เถาวัลย์เปรียง ยังมีผลข้างเคียงน้อยกว่า
...ทำให้ปัจจุบันแคปซูลเถาวัลย์เปรียงได้รับการบรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ปี พ.ศ. 2554
..."เถาวัลย์เปรียง หรือเครือตาปลา" เป็นอีกคำตอบของยาแก้ปวดเมื่อยที่ปลอดภัย และยังใช้เป็นยารักษาโรคภัยอื่นๆได้อีก เป็นการยืนยันว่าภูมิปัญญาไทยใช้ได้จริง ถ้าคนไทยใส่ใจไม่ทอดทิ้ง
ตำรับยา
* แก้ตกขาว
>> เถาวัลย์เปรียง สับเป็นชิ้นๆ ต้มกินต่างน้ำหรือต้มกินวันละ 3 เวลา
* แก้ปวดเมื่อย
>> เถาวัลย์เปรียงสับแว่นบางๆ หรือชิ้นเล็ก นำไปคั่วหรือไม่คั่วก็ได้ ต้มกินต่างน้ำจนอาการดีขึ้น
* ยาประคบแก้ปวดเมื่อย
>> ใบเถาวัลย์เปรียง ใบเถาเอ็นอ่อน บดรวมกันทำลูกประคบ
ขอบคุณข้อมูลจากเพจ สมุนไพรอภัยภูเบศร